เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๓ ต.ค. ๒๕๕๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

อ้าว! ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดไว้เป็นพื้นฐานเลย ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำดีต้องได้ดี เห็นไหม วันนี้วันอะไร วันนี้วันปิยมหาราช ท่านทำของท่านไว้ ท่านทำคุณงามความดีของท่านไว้ เพราะท่านทำคุณงามความดีของท่านไว้ ดูสิ จนปัจจุบันนี้เรายังระลึกถึงคุณงามความดีอันนี้เลย

ถ้าเราระลึกถึงคุณงามความดีอันนี้ เราเกิดไม่ทัน เราก็เกิดไม่ทัน เราเกิดไม่ทันหรอก เราเกิด ๒๔๙๔ ท่านเสียไปแล้ว แต่ทำไมยังคิดถึงคุณงามความดีของท่านล่ะ เพราะเรามีพ่อมีแม่ใช่ไหม เรามีปู่ย่าตายายใช่ไหม ถ้าเราไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีปู่ไม่มีย่า ไม่มีตาไม่มียาย จะมีเราไหม ถ้ามันมีเรา

พ่อแม่ปู่ย่าตายายได้อาศัยแผ่นดินที่ร่มเย็นเป็นสุข แผ่นดินที่ไม่ร่มเย็นเป็นสุขตรงไหนรู้ไหม ไปดูสิ ดูชาติที่เขาเป็นเมืองขึ้นสิ เขาเก็บส่วย เขาเก็บส่วย เขาบีบคั้น เขาหาผลประโยชน์ เราเป็นเจ้าของประเทศ แต่เราต้องเช่าประเทศเราอยู่เอง เราเป็นเจ้าของประเทศชาตินี้นะ แต่เราไม่ได้อยู่โดยเป็นอิสรภาพ มีเจ้านายมาคอยบังคับบัญชา มันเป็นความทุกข์ไหม มันเป็นความทุกข์ทั้งนั้นแหละ แล้วท่านเป็นคนที่พาประเทศชาตินี้รอดมา คนที่พาประเทศชาตินี้รอดมา มันไม่ใช่รอดมาโดยที่ไม่มีอุปสรรคนะ มันมีอุปสรรคมหาศาล

เวลาเขาตัดประเทศไป เขาตัดสิ่งใดไป ท่านคิดของท่าน เห็นไหม เหมือนตัดแขนตัดขา มันเจ็บช้ำขนาดไหน คนมันเจ็บช้ำมันทุกข์ขนาดไหน นี่ผู้นำแบกรับไว้ แบกรับภาระของประเทศชาติไว้ แบกรับภาระของความเป็นอยู่ของสังคมไว้ แบกรับภาระของผู้อยู่อาศัย เราก็อยู่สุขสบายมา แต่หัวหน้าแบกรับภาระขนาดไหน ถ้าแบกรับภาระขนาดไหน นั่นน่ะคุณงามความดีของท่าน ท่านทำของท่านอย่างนั้น

ดูสิ เวลาพระโพธิสัตว์สร้างคุณงามความดี ทำเพื่อใครล่ะ เวลาสร้างคุณงามความดี ทำเพื่อส่วนรวมไง ทำเพื่อคนอื่นไง แล้วใครเป็นคนทำล่ะ คนที่ทำนั้นออกมาจากเจตนา เจตนานั้นมันได้สร้างบุญกุศล เห็นไหม พันธุกรรมของจิตๆ โดนแรงกระทบ ดูสิ เขาเอาเรือปืนมาขู่ เขามาเฉือนประเทศไป เจ็บช้ำน้ำใจไหม? มันเจ็บช้ำน้ำใจทั้งนั้นแหละ

เวลาทำคุณงามความดี ในสังคมมีทั้งดีและชั่ว ทุกสังคมมีคนดีและคนชั่ว คนดี ดีอย่างไร ไม่ใช่ติดดีไง ติดดีว่าฉันเป็นคนดี ฉันเป็นคนดี ก็เขียน ด.เด็กกับสระอีไว้บนหน้าผาก ฉันเป็นคนดี ฉันเป็นคนดี แต่พฤติกรรมการกระทำมันดีหรือเปล่าล่ะ

ถ้าการกระทำมันดี ความลับไม่มีในโลก เราเป็นคนรู้ก่อน ใครทำคนนั้นรู้ ความลับไม่มีในโลก ใครทำสิ่งใด ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว แล้วทำคุณงามความดี แล้วทำความดี ความดีเราก็เห็นกัน อย่างเช่นที่ว่าเราสร้างคุณงามความดีกันเราก็เห็นใช่ไหมว่าสิ่งนั้นเป็นคุณงามความดี แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียสละมา ออกจากราชวังมา แล้วไปนั่งอยู่โคนต้นไม้ นั่งอยู่เฉยๆ มันมีคุณงามความดีตรงไหน

เวลาคุณงามความดีที่มันจะเอาชนะมารในหัวใจนะ จากใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่ง ถ้าใจดวงหนึ่งไม่ทำให้มันปรากฏขึ้นมาในใจดวงนั้น จะเอาสิ่งใดไปสั่งสอนเขา จะเอาสิ่งใดไปบอกเขา เห็นไหม หัวใจที่มืดบอด ดูสิ อวิชชามันครอบงำหัวใจนี้ไว้ ไปไหนก็เหมือนคนตาบอด คนตาบอดมันคลำช้าง คนตาบอดมันคลำทางไป มันจะไปทางตรงได้อย่างไร เวลาจะสั่งสอนเขามันต้องเปิดหัวใจของตัวเองให้ได้ก่อน ถ้าเปิดหัวใจตัวเองได้ก่อน แล้วเปิดอย่างไรล่ะ

ไปศึกษากับเจ้าลัทธิต่างๆ ๖ ปี ศึกษามานี่ศาสดาทั้งนั้น เขาเป็นศาสดา เขาเป็นเจ้าลัทธิ แล้วเจ้าชายสิทธัตถะไปศึกษากับเขาๆ แล้วดูสิ อาฬารดาบส อุทกดาบสยกย่องเลย “เจ้าชายสิทธัตถะนี้มีคุณงามความดีเสมอเรา มีปัญญาเหมือนเรา สั่งสอนได้ๆ” เขาเป็นเจ้าลัทธิ เขาเป็นศาสดา แล้วเขายังยกย่องสรรเสริญอีกด้วย เราจะหลงไหม เราจะหลงใหลไปกับเขาไหม

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ ไม่ ฌานสมาบัติแก้กิเลสไม่ได้ เวลามันออกมาจากความสงบระงับอันนั้นมันก็มีความสงสัย มีความทุกข์ ความทุกข์อันละเอียดนะ ความทุกข์อันละเอียด ความเศร้าหมอง ความผ่องใส

ดูเศรษฐีสิ เศรษฐีมีทุกอย่างพร้อมเลย ทำไมเขาอมทุกข์ล่ะ เศรษฐีมหาเศรษฐีเงินพร้อม ทุกอย่างพร้อม บริษัทบริวารมหาศาล มีแต่ความทุกข์ทั้งนั้นแหละ ความทุกข์มันมาจากไหนล่ะ นี่ไง เวลาเข้าฌานสมาบัติมันจะละเอียดขนาดไหนมันก็มีความทุกข์ มันมีไฟสุมขอนอยู่นั่นน่ะ มันมีอวิชชาอยู่ในนั้นน่ะ มันถึงไม่ใช่ เวลาไม่ใช่ เวลามาฉันอาหารของนางสุชาดา “ถ้าเรานั่งคืนนี้แล้วถ้าไม่ตรัสรู้ธรรมเราจะไม่ลุกจากที่นี่”

คุณงามความดีอันนั้น เห็นไหม เราอาบเหงื่อต่างน้ำ เราแบกหาม เราทำคุณงามความดีกัน สิ่งที่ว่าเป็นคุณงามความดี...ใช่ เป็นคุณงามความดี แต่คุณงามความดีของวัฏฏะ คุณงามความดีของโลก คุณงามความดีการสร้างอำนาจวาสนาบารมี คุณงามความดีอย่างนี้เป็นอามิส แต่คุณงามความดี มรรคญาณ สิ่งที่มันเกิดขึ้นจากปัญญาจากภายใน นักบริหารจัดการเขาต้องมีปัญญาของเขา เขามีประสบการณ์ของเขา

ดูสิ ผู้ที่เป็นรัฐบุรุษเขามีหูตากว้างไกลขนาดไหน เขามองถึงอนาคตนะ เขามองถึงอนาคต เขามองถึงลูกหลานนะ เขามองถึงประเทศชาติ ผู้ที่จะมาจรรโลงชาติ ไอ้พวกนั้นมันจะมีปัญญาขนาดไหน เราต้องปกป้องดูแลมัน นี่รัฐบุรุษ เขามองอนาคต แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามานั่งอยู่โคนไม้ มันไปอยู่ที่ไหนล่ะ เวลาสัจจะความจริงมันเกิด มันเกิดมาจากในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

บุพเพนิวาสานุสติญาณ อดีตชาติ การสร้างสมมา เราไม่รู้ว่าเราสร้างสมสิ่งใดมา เราสร้างสมสิ่งใดมามากมายขนาดไหน นี่การสร้างสมสิ่งนั้นมา พอสร้างสมสิ่งนั้นมา สิ่งนี้มันถึงเป็นอำนาจวาสนาที่ว่าแม้แต่อาฬารดาบส อุทกดาบสค้ำประกัน เพราะว่าในพระไตรปิฎกพูดไว้เลย “เจ้าชายสิทธัตถะมีความรู้เหมือนเรา มีเสมอเรา เสมอศาสดา” แต่เสมอศาสดามันไม่จริง มันไม่จริง ไม่เอา พอไม่เอาขึ้นมา เพราะอะไร เพราะอำนาจวาสนาอันนี้ไง เพราะอำนาจวาสนาที่ว่าได้สร้างบุญญาธิการมา

อย่างพวกเราใครยกย่องหน่อยเดียวไปหมดแล้ว ไปนั่งภาวนาที่ไหนเขาว่าเก่งสุดยอดเลย ให้ใบประกาศ ๒ ใบ ๓ ใบไปแขวนไว้ที่บ้าน รอบบ้านเลย ประกาศนียบัตรเต็มไปหมดเลย...เอาตัวไม่รอด

แต่เวลาศึกษามา ศึกษาเป็นภาคปริยัติ ศึกษามาแล้วต้องปฏิบัติ เวลาปฏิบัติขึ้นมา เห็นไหม จากใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่ง ถ้าใจดวงนั้นเกิดศีล สมาธิ ปัญญา เวลาเกิดศีล สมาธิ ปัญญา เกิดมรรคญาณ

เวลาทางโลกเขาบอกเลี้ยงชีพชอบๆ เลี้ยงชีพคือสัมมาอาชีวะที่ขาวสะอาด สัมมาอาชีวะที่ชอบธรรม นั้นเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง มันเป็นมรรคของคฤหัสถ์เขา เวลามันเป็นมรรคของอริยชน มรรคของผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ นี่ความคิด ความคิดจิตมันเสวย มันเสวยอารมณ์ เป็นความรู้สึกนึกคิด ความคิดเป็นอาหารของใจ เวลาใจมันดื่มกินอาหารนะ ถ้ามันไปกินอาหารที่เป็นพิษ มันไปกินแต่ความเจ็บช้ำน้ำใจ มันไปกินแต่ความโกรธ ความโลภ ความหลง มันกินอาหารพิษ พอกินอาหารพิษเข้าไปจิตมันก็มีผลเป็นพิษ

แต่เวลาเราทำคุณงามความดีมันเป็นธรรม ธรรมคือสัจจะความจริง คือสิ่งที่ดีงาม ใครก็ปรารถนา ใครๆ ก็แสวงหาความดี กินอาหารที่ดี นี่สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ มิจฉาอาชีวะ เลี้ยงชีพผิด

เขาเลี้ยงชีพ เขาเลี้ยงชีพด้วยปัจจัยเครื่องอาศัย เราเลี้ยงชีพด้วยมรรคญาณ เลี้ยงชีพด้วยสัมมาทิฏฐิ-มิจฉาทิฏฐินะ ถ้ามิจฉาทิฏฐิมันก็เลี้ยงชีพผิด ถ้าสัมมาทิฏฐิมันก็เลี้ยงชีพชอบ มันจะเห็นอย่างนี้ได้มันต้องมีสมาธิ มันเห็นอย่างนี้ได้ถ้ามันทำความสงบของใจเข้ามา

พอใจสงบเข้ามามันเห็นของมัน มันเห็นของมัน นี่งาน งานที่แสนยากไง เราอาบเหงื่อต่างน้ำ เราทำหน้าที่การงานกัน โอ้โฮ! เป็นผลงานมหาศาลเลย แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์อยู่ในป่าในเขาท่านทำงานอะไรของท่าน ท่านบอกว่างานของท่านเป็นงานรื้อภพรื้อชาติ งานข้ามภพข้ามชาติ งานที่มันเป็นความทุกข์ความยาก

“งานอะไรมันทุกข์มันยาก ก็เห็นนั่งเฉยๆ เดินจงกรมก็เดินไปเดินมามันทุกข์ยากตรงไหน”

มันทุกข์มันยากกว่าจะเอาใจไว้ในอำนาจมันแสนยาก แล้วถ้ามันแสนยาก มันเห็นเล่ห์กลของมันไง เห็นเล่ห์กลของกิเลสตัณหาความทะยานอยากที่มันยุมันแหย่ ที่มันมาคอยสอพลอไง มันสอพลอนะ เห็นไหม รูป รส กลิ่น เสียงเป็นพวงดอกไม้แห่งมาร เป็นพวงดอกไม้มันมาสอพลอ เป็นบ่วงของมารมันรัดคอ เวลามันรัดคอ เวลามันฉุนเฉียว เวลามันมีอารมณ์ขึ้นมามันไปไหนไม่รอด มันรัดคอแล้วมันดึงด้วย แล้วเราจะเอาชนะมันเอาชนะอย่างไรล่ะ

จะเอาชนะมันก็ที่เราทำกันอยู่นี่ไง เราทำบุญกุศลกันอยู่นี่ก็เพื่อสร้างบารมีไง พละ พลังของใจ ถ้ามีกำลัง ถ้าไม่มีกำลังทำอะไรก็ไม่ได้ จะนั่งภาวนาก็ไม่ได้ จะทำสิ่งใดก็ไม่ได้ จะทำอะไรไม่ได้สักอย่างเลย แต่ถ้าไปเที่ยวเล่น ได้ ทัศนศึกษา ไปรอบโลก ไปเผยแผ่ธรรมะ ทัศนศึกษา มีเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวไปเลยนะ โอ้โฮ! ไปทัศนศึกษาเมืองนอกกัน อย่างนั้นน่ะได้ ถ้านั่งเฉยๆ นี่นั่งไม่ได้ นั่งเฉยๆ เดินจงกรม เอาหัวใจไว้ในอำนาจของเราไม่ได้ นี่งานอันเอก

ฉะนั้น ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ตรัสรู้ธรรมขึ้นมา มรรคมันเป็นอย่างไรล่ะ ถ้ามรรค ๘ มันเป็นอย่างไร เวลาสุภัททะไปถามนะ มีปัญญามาก เขาไปศึกษามาจากเจ้าลัทธิต่างๆ ทั้งหมด แล้วเขาไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน “ศาสนาไหนก็ว่ายอด ศาสนาไหนก็ว่าประเสริฐ ศาสนาไหนก็ว่าดี แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าอย่างไรล่ะ”

“สุภัททะ เธออย่าถามให้มากไปเลย เรากำลังจะตายแล้วล่ะ เราจะตายในคืนนี้นะ สุภัททะฟังนะ ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล”

ไม่มีมรรคไง ไม่มีมรรคไม่มีการกระทำไง จิตมันไม่มีความเป็นจริงไง ถ้าศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล แล้วเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา ตรัสรู้ธรรมด้วยอะไรล่ะ? มรรคญาณ ถ้ามรรคญาณ ตรัสรู้ขึ้นมาแล้ว เวลามาเทศน์ธัมมจักฯ เทศน์ธัมมจักฯ เทศน์สอนใคร

ปัญจวัคคีย์เป็นนักปราชญ์ พระอัญญาโกณฑัญญะมีปัญญามาก พวกนี้นักปราชญ์ทั้งนั้น พยายามจะค้นคว้าหาทางออกทั้งนั้น แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเขาอุปัฏฐากอยู่ ๖ ปี เวลาอุปัฏฐากอยู่ ๖ ปีด้วยกัน คนที่อยู่ด้วยกัน คนที่คุ้นชินกัน คนที่รู้ทางกันหมดเลย แล้วเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปแสดงธัมมจักฯ ปัญจวัคคีย์ไม่ยอมฟัง ไม่ยอมฟังเพราะอะไร เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาฉันอาหาร อดอาหารมา ๔๙ วันยังทำไม่ได้ แล้วมาฉันมันจะทำได้อย่างไร

เวลาบอกว่า “เธอจงเงี่ยหูลงฟังนะ ถ้าเราไม่รู้เราก็บอกว่าไม่รู้ แต่นี่บอกว่ารู้ เงี่ยหูลงฟัง เทฺวเม ภิกฺขเว ทางสองส่วนที่ไม่ควรเสพ”

แล้วจะเสพอะไร เสพอย่างไร ถ้าเสพอะไร แล้วมรรคมันเป็นอย่างไร

ไปพูดกับปัญจวัคคีย์ คือนักปราชญ์ด้วยกัน คือผู้ฉลาดกับผู้ที่ฉลาด ผู้ที่ฉลาด ผู้ที่มีปัญญาทั้งนั้นแหละ แล้วพูดออกมา เวลาแสดงธรรมไปมันมีความจริง ถ้าไม่มีความจริง พระอัญญาโกณฑัญญะจะไม่มีดวงตาเห็นธรรม เพราะอะไร พระอัญญาโกณฑัญญะปฏิบัติกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้อุปัฏฐากมา ๖ ปี มันเตรียมพร้อมมา มันอยากออก มันอยากมีคนบอก อยากจะมีคนชักนำ แต่มันไปไม่ได้ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธัมมจักฯ มันไปได้

หนึ่ง พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นพระโสดาบัน เทวดาฟังอยู่นะ เทวดาฟังอยู่ เวลาพูดอยู่นี่ เสียง เสียงที่เป็นทิพย์ เวลาแสดงธัมมจักฯ เทวดาฟังอยู่ เทวดาเขาปลื้มใจ เพราะเขารออยู่ไง ทุกคนรออยู่ รอสัจธรรม รอทาง รอทางมัคโค รอทางอันเอก รอทางของใจ รอทางออก รอทางไป แล้วมันไม่มี มันไม่มี แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรม เทวดาส่งข่าวเป็นชั้นๆๆ ขึ้นไป มันเป็นสัจธรรม มันเป็นความจริง มันเป็นความจริง จากใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่ง ใจดวงหนึ่ง ใจดวงนั้นต้องให้มีข้อเท็จจริง ให้มีมรรค มรรคมันทำอย่างไร มันเห็นมารอย่างไร มันรู้แจ้งอย่างไร

สิ่งนี้ทำมา งานภายนอก-งานภายใน งานภายนอก วันนี้วันสำคัญ สำคัญเพราะอะไร เพราะสังคมร่มเย็นเป็นสุข สมณะชีพราหมณ์ก็มีโอกาสได้ประพฤติปฏิบัติ สังคมมีแต่ความทุกข์ความยาก สังคมมีแต่ความเบียดเบียนกัน สมณะชีพราหมณ์จะมานั่งภาวนาอยู่นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร สมณะชีพราหมณ์จะประพฤติปฏิบัติต่อเมื่อสังคมร่มเย็นเป็นสุข แล้วสังคมจะร่มเย็นเป็นสุขมันต้องอาศัยผู้นำ ผู้นำที่ดี ผู้นำที่หัวใจเป็นธรรม

พ่อแม่รักลูก พ่อแม่อยากให้ลูกมีความสุขทั้งนั้นแหละ แต่เวลาพูดไปลูกมันเชื่อไหมล่ะ ลูกมันไม่เชื่อหรอก เพราะอะไร เพราะความคุ้นเคย แต่เราจะมีอุบายอย่างไรล่ะ มีอุบายอย่างไรจะให้ลูกเราอยู่ในร่องในรอย จะให้ลูกเรามันมีการศึกษา ขอให้ลูกเรามีความสุข จะทำอย่างไรก็ได้ขอให้ดำรงชีวิตได้ ขอให้มีความสุข อย่าให้มีความทุกข์ อย่าให้มีความทุกข์ในหัวใจเลย เราก็ปรารถนาอย่างนั้น

ผู้นำที่ดีเขาก็มองประชาชนอย่างนั้นน่ะ มองประชาชนแล้วมองไปอนาคตด้วยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร จะทำเพื่อประโยชน์กับอนุชนรุ่นหลังอย่างไร ทำเพื่อประโยชน์อย่างไร

ถ้าสังคมร่มเย็นเป็นสุข สมณะชีพราหมณ์ก็มีโอกาสได้ประพฤติปฏิบัติ สังคมร่มเย็นเป็นสุขนะ การประกอบสัมมาอาชีวะเราก็สมบูรณ์ เราถึงเห็นคุณไง เราระลึกถึงคุณของท่าน ถ้าคุณของท่าน วันนี้เรามาทำบุญกุศลเพื่ออุทิศส่วนกุศล อุทิศให้ใครล่ะ เวลาทำบุญกุศลอุทิศให้ในหลวง ทำบุญกุศลอุทิศให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อุทิศให้ตัวเอง พุทธะ พุทธะคือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พุทธะคือความรู้สึก พุทธะคือหัวใจ พุทธะคือจิต

แล้วถ้าเขาไปอินเดียกัน ไปสังเวชนียสถานทั้ง ๔ เพื่อระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปเห็นแล้ว ไปอินเดียกันแล้วก็ซาบซึ้งๆ แต่เรานั่งสมาธินะ ถ้ามันลง พุทโธๆ ลงถึงพุทธะ พุทธะคือผู้รู้ไง พุทธะคือชื่อของธาตุรู้ แล้วธาตุรู้มันอยู่กลางหัวอก แต่หามันไม่เจอ เวลาสังคมร่มเย็นเป็นสุขเราก็พอใจไง แต่สังคมหัวใจล่ะ สังคมที่เราจะเป็นไปได้ล่ะ

เราทำที่นี่ของเราขึ้นมา ทำบุญกุศลเราทำ เราทำเพื่อสังคม สังคมภายนอกเราก็ทำ เราจะดูแลหัวใจของเรา เราก็ทำ แล้วถ้าดูแลหัวใจของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม เทศน์ธัมมจักฯ ไป พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นพยาน เป็นพยานเลย

พูดถึงเวลาแสดงธรรมไป ผู้ที่ฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วไม่เข้าใจก็ไปถามพระสารีบุตร พระสารีบุตรเป็นเสนาบดีธรรมที่มีปัญญามากรองจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสารีบุตรก็แจกแจงธรรมให้พระฟัง พอพระฟังแล้วพระก็จำที่พระสารีบุตรกลับไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าพระสารีบุตรไปแจกแจงธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้ แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นด้วยไหม

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า ถ้าเราพูด เราก็พูดอย่างนั้นแหละ เราก็พูดอย่างนั้น

แต่ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรม เพราะภาระรับผิดชอบนะ พุทธกิจ ๕ เช้าขึ้นมาเล็งญาณแล้ว ใครจะมีอำนาจวาสนา อำนาจวาสนาคือจิตใจที่มีกำลัง พูดแล้วเชื่อ พูดแล้วฟัง กระแทกแล้วมีความเห็นใจ กระแทก เพราะกิเลสมันอยู่ในหัวใจ พูดทิ่มเข้าไปในหัวใจ

เวลาไปถึงองคุลิมาล “สมณะหยุดหนอ หยุดหนอ”

“เราหยุดแล้ว เธอยังไม่หยุด”

“หยุดอะไร”

“หยุดทำความชั่วไง หยุดฆ่าคนไง”

ได้คิดเลย เห็นไหม นี่เล็งญาณ เช้าขึ้นมาเล็งญาณ ออกโปรดสัตว์ โปรดสัตว์ก็ไปบิณฑบาต ก็ไปสอนเขานี่แหละ ไปให้เขาได้คิด ฉันอาหารของเขาแล้วสั่งสอนประชาชน ตกค่ำสั่งสอนพระ พอค่ำขึ้นมาเทศน์สอนเทวดา เช้าขึ้นมาเล็งญาณ พุทธกิจ ๕ กิจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม สร้างสมบุญญาธิการมาขนาดนั้น มาแล้วยังทำประโยชน์ขนาดนี้ แล้วเราล่ะ

เราค้นคว้า แล้วต้องไปอินเดียถึงคิดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือ ทำไมไม่พุทโธ ไม่ระลึกคำบริกรรม แล้วเฝ้ากลางหัวใจเรานี่ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ผู้ใดเห็นใจของตัวเองจะมีความสุข มีความสุขนะ เพราะอะไร เพราะมันสงบ มันไม่สงบมันเข้าไปเห็นไม่ได้ ถ้ามันไม่ปล่อยวางเข้ามามันเข้าถึงตัวมันไม่ได้ ถ้าเข้าถึงตัวมันแล้วจะไปบอกใครล่ะ ก็องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับเราจับมือกันอยู่นี่ รู้กันอยู่นี่ แล้วมันจะไปบอกใครล่ะ

ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก เห็นไหม มนุษย์ถึงมีคุณค่า เพราะมนุษย์มีกายกับใจ หัวใจมีคุณค่ามาก อาศัยเกิดในร่างกายนี้ เกิดในร่างกายนี้นะ เราพาร่างกายนี้สร้างคุณงามความดี เราพาร่างกายนี้สร้างบุญกุศลของเรา ให้หัวใจมันได้เบ่งบานขึ้นไป พัฒนาของมันขึ้นไปเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป เกิดเป็นมนุษย์ เกิดพบพระพุทธศาสนาเพื่อประโยชน์กับใจดวงนี้ เอวัง